วันนี้ไอดีไดร์ฟจะพามาไขข้อสงสัย
หลายคนอาจคิดว่า "อายุเท่านี้แล้วจะเรียนขับรถไหวเหรอ?"
แต่ในความเป็นจริง "การขับรถ" คือทักษะสำคัญที่เรียนได้ทุกช่วงวัย!
ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มโต อยากใช้รถไปทำงาน หรืออยากขับไปจ่ายตลาดตอนเกษียณ ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ
มาดูกันว่าแต่ละวัยเหมาะกับการเรียนขับรถแบบไหนบ้าง?
วัยรุ่น (อายุ 18-25 ปี): วางรากฐานให้แน่น
เหมาะกับการเรียนแบบละเอียด ช้าแต่ชัวร์
เน้นสร้างวินัยและมารยาทในการขับขี่
ฝึกในสนามจำลองที่ปลอดภัย เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนเจอถนนจริง
“ขับเร็วไม่เท่ ขับเป็น ขับปลอดภัยเท่กว่าเยอะ!”
วัยทำงาน (อายุ 26-50 ปี): ขับเป็นเร็ว ใช้ได้จริง
เหมาะกับคอร์สที่ยืดหยุ่นเวลา เช่น เรียนวันหยุดหรือช่วงเย็น
เน้นการขับในสถานการณ์จริง เช่น ขับในเมือง รถติด ขึ้นทางด่วน
ได้ฝึกวางแผนเส้นทาง และขับรถเพื่อชีวิตประจำวันที่คล่องตัว
“มีใบขับขี่ = มีอิสระในการใช้ชีวิต”
วัยเกษียณ (50 ปีขึ้นไป): ขับด้วยความมั่นใจ ปลอดภัยทุกเส้นทาง
ครูสอนจะเน้นการสื่อสารที่ชัดเจน ใจเย็น เป็นกันเอง
ฝึกทักษะการใช้สายตา การกะระยะ การควบคุมรถแบบผ่อนแรง
เพิ่มการฝึกสมาธิ และสร้างความมั่นใจในการขับขี่ระยะใกล้
“อายุมากไม่ใช่อุปสรรค ถ้ามีครูดีและใจพร้อม!”
ข้อดีของการเรียนขับรถกับโรงเรียนมืออาชีพ
มีสนามฝึกเฉพาะทาง สะดวก ปลอดภัย
ได้รับความรู้และเทคนิคจากครูที่มีประสบการณ์
ฝึกได้ตามจังหวะของแต่ละคน ไม่เร่ง ไม่กดดัน
พร้อมสอบจริงทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ
ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถเริ่มต้นเรียนขับรถได้เสมอ
การมีทักษะขับขี่ ไม่ใช่แค่ขับเป็น แต่ต้อง ขับอย่างมั่นใจ มีวินัย และปลอดภัยต่อทุกคนบนถนน
หากคุณกำลังลังเล ลองก้าวแรกมาที่โรงเรียนสอนขับรถที่เข้าใจคุณทุกช่วงวัย... แล้วคุณจะรู้ว่า “ขับได้” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
ขอบคุณภาพ : regain
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
17
25 เม.ย. 2568, 22:43
เซฟไว้ก่อนเดินทาง
เบอร์สายด่วน แจ้งเหตุ ฉุกเฉิน
หน่วยงานช่วยเหลือด้านการเดินทาง
1584 : ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก
1356 : สอบถาม ร้องเรียน แจ้งเหตุ ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม
1348 : สอบถามเส้นทางเดินรถ ขสมก.
อุบัติเหตุบนท้องถนน
1137 : แจ้งอุบัติเหตุ
1543 : รถเสีย อุบัติเหตุบนทางด่วน การทางพิเศษ
1193 : ตำรวจทางหลวง
1586 : กรมทางหลวง
1586 กด 7 : มอเตอร์เวย์สาย 7 และ 9
1146 : กรมทางหลวงชนบท
แจ้งเหตุฉุกเฉิน
191 : แจ้งตำรวจ เหตุฉุกเฉิน เหตุร้าย
199 : ไฟไหม้ ค้นคนหาย สัตว์มีพิษ
1192 : รถหาย ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์
เจ็บป่วยฉุกเฉิน
1669 : เจ็บป่วยฉุกเฉิน ทั่วประเทศ
1646 : หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพฯ
1554 : หน่วยกู้ชีพ วชิรพยาบาล
ขอขอบคุณภาพจาก : safedrivedlt
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
30
26 เม.ย. 2568, 02:45
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะช่วงกลางวัน การขับขี่มอเตอร์ไซค์จึงกลายเป็นความท้าทายไม่น้อย ทั้งจากสภาพอากาศที่แผดเผา และความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น ฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากขับขี่ในระยะไกลโดยไม่เตรียมตัวให้พร้อม
วันนี้ ไอดี ไดร์ฟ เรามี 5 เทคนิคขี่มอเตอร์ไซค์ให้ปลอดภัยในหน้าร้อน มาฝากกันครับ
ตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง
ก่อนสตาร์ทรถ อย่าลืมตรวจสอบจุดสำคัญ เช่น:
• ลมยาง และสภาพยาง
• น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเบรก
• ระบบเบรก และไฟส่องสว่าง
เพื่อให้แน่ใจว่ารถพร้อมใช้งาน และลดโอกาสเกิดปัญหาระหว่างทาง
สวมใส่อุปกรณ์ให้ครบและเหมาะกับสภาพอากาศ
อากาศร้อน ไม่ใช่ข้ออ้างในการใส่น้อย!
• หมวกกันน็อกเต็มใบ ป้องกันแดด ลม และฝุ่น
• เสื้อแจ็กเก็ต/เสื้อการ์ด ป้องกันร่างกายจากความร้อนและการกระแทก
• เสื้อ-กางเกงแบบระบายอากาศได้ดี ใส่สบาย ไม่อึดอัด
• ถุงมือ แว่นกันแดด และผ้าโม่ง ก็ช่วยป้องกันแดดและฝุ่นละอองได้อย่างดี
พกอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้เสมอ
โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล เช่น:
• ชุดปะยางฉุกเฉิน
• คีม ไขควง ประแจ
• ไฟฉาย หรือแบตสำรอง
แม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น จะรู้เลยว่ามีไว้ “อุ่นใจกว่า”
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อุณหภูมิที่สูงทำให้ร่างกายเสียเหงื่อมาก
พักทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อดื่มน้ำ เติมความสดชื่น
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนระหว่างขับขี่
รู้จักพัก เมื่อร่างกายไม่ไหว
ถ้าเริ่มรู้สึกเวียนหัว มึน หรืออ่อนเพลีย อย่าฝืนขับต่อ
หาที่ร่มจอดพักทันที และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรโทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉิน
เพราะ สุขภาพสำคัญที่สุด
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
43
26 เม.ย. 2568, 01:15
การขับรถขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถตู้ขนาดใหญ่ บนเส้นทางที่ราบเรียบก็ต้องอาศัยความชำนาญและสมาธิเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับ #เส้นทางลาดชัน ทั้งขึ้นและลง ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังและเตรียมความพร้อมให้ถึงขีดสุด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเรา ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง
หลายคนอาจกังวลเมื่อต้องขับรถใหญ่บนเขา แต่ถ้าเราเตรียมตัวมาดี รู้จักรถ และมีสติในการขับขี่ ทุกเส้นทางลาดชันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถแน่นอน มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีเทคนิคการขับขี่อย่างไรให้ ขึ้นก็ไหว ลงก็รอด!
เตรียมความพร้อม...หัวใจสำคัญของการเดินทางปลอดภัย
ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าต้องเจอกับเส้นทางลาดชัน การเตรียมความพร้อมคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม:
เตรียมร่างกาย: พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายและจิตใจพร้อมสำหรับการขับขี่ที่ต้องใช้สมาธิสูง
ศึกษาเส้นทาง: ทำความเข้าใจเส้นทางที่จะไปล่วงหน้า ดูแผนที่ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของถนน ทางโค้ง ทางลาดชัน และสะพาน เพื่อให้สามารถวางแผนการขับขี่ได้อย่างเหมาะสม
รู้สมรรถนะรถ: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกำลังเครื่องยนต์ ระบบเบรก และการทำงานของเกียร์ในรถที่เราขับขี่ รวมถึงตรวจสอบความพร้อมของรถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก ลมยาง และระบบไฟส่องสว่าง
รู้ขีดความสามารถของรถ: ประเมินน้ำหนักบรรทุกของรถให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องยนต์ ไม่บรรทุกเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด
รู้การใช้เกียร์และรอบเครื่องยนต์: ทำความเข้าใจหลักการทำงานของเกียร์แต่ละตำแหน่ง และช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด เพื่อให้สามารถเลือกใช้เกียร์ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพเส้นทาง
เทคนิคการขับรถขึ้น-ลงทางลาดชัน...มั่นใจทุกการควบคุม
เมื่อเข้าสู่เส้นทางลาดชัน สิ่งสำคัญคือการประเมินสถานการณ์และใช้เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้อง:
ประเมินความลาดชัน ลักษณะถนน และสังเกตป้ายเตือน: ก่อนถึงทางลาดชัน ให้สังเกตป้ายเตือนต่างๆ ที่บอกถึงความชันของเนิน ระยะทาง และลักษณะโค้ง เพื่อเตรียมพร้อมในการควบคุมรถ
ใช้เกียร์ต่ำขณะขึ้น-ลงทางลาดชัน: การใช้เกียร์ต่ำจะช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังมากขึ้นในการขับเคลื่อนขึ้นเนิน และช่วยหน่วงความเร็วของรถขณะลงเนิน ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขึ้นทางลาดชัน...ส่งกำลังอย่างเหมาะสม ไม่เร่งจนเกินไป
การขับรถขึ้นทางลาดชันต้องอาศัยการส่งกำลังของเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม:
ใช้เกียร์ให้เหมาะสมตามรอบเครื่องยนต์: เลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมกับความชันของเนินและรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในช่วงที่ให้กำลังสูงสุด (โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงกลางของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์) และระวังอย่าให้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไปจนเข้าสู่ เขตสีแดง (RED ZONE) ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
อย่าเร่งรอบสูงเกินไปเป็นเวลานาน: การเร่งเครื่องยนต์ด้วยรอบสูงเป็นเวลานานจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสูง จะทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง (Overheat) ควรควบคุมคันเร่งอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ
หากรถเริ่มมีกำลังไม่พอ ให้ลดระดับเกียร์ให้ต่ำลง : เมื่อรู้สึกว่ารถเริ่มไม่มีกำลัง หรือรอบเครื่องยนต์ตกลงมาก ให้ลดระดับเกียร์ลงอย่างนุ่มนวล โดยต้องสอดคล้องกับสภาพความชัน และรักษาระดับรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในช่วงที่มีกำลังสูงสุด
ลงทางลาดชัน...ควบคุมความเร็วด้วยเกียร์และเบรกอย่างมีสติ
การขับรถลงทางลาดชันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะดึงรถให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น:
ใช้ความเร็วต่ำ และเกียร์ที่เหมาะสม: ชะลอความเร็วก่อนเข้าสู่ทางลาดชัน และเลือกใช้เกียร์ต่ำที่เหมาะสมกับความชัน เพื่อช่วยหน่วงความเร็วของรถ เกียร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับรอบเครื่องยนต์ #ระวัง อย่าให้รอบเครื่องยนต์เข้าเขตสีแดง(Red Zone) โดยเด็ดขาด การใช้เกียร์ต่ำจะช่วยลดภาระของระบบเบรกได้มาก
ควรใช้เบรกเสริม เช่น เบรกไอเสีย: รถขนาดใหญ่มักมีระบบเบรกเสริม เช่น เบรกไอเสีย (Exhaust Brake) หรือเบรกเครื่องยนต์ (Engine Brake) ซึ่งควรนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชะลอและควบคุมรถ รวมถึงลดภาระการใช้เบรกเท้า
ไม่ควรใช้เบรกเท้าตลอดเวลา หรือเบรกถี่ๆ : การเหยียบเบรกเท้าติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือเบรกถี่ๆ จะทำให้ #ผ้าเบรกไหม้ เนื่องจากความร้อนสะสม และอาจทำให้ ลมหมดถัง จนไม่สามารถควบคุมระบบเบรกได้ ควรใช้การเบรกเป็นจังหวะสั้นๆ สลับกับการปล่อยเบรก เพื่อระบายความร้อน
การขับรถขนาดใหญ่ในเส้นทางลาดชันอย่างปลอดภัยนั้น ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของทั้งรถและคนขับ การศึกษาเส้นทาง การทำความเข้าใจสมรรถนะของรถ และการใช้เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้อง หากเราใส่ใจในทุกรายละเอียดเหล่านี้ การขับรถขึ้นลงเขา ก็จะเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ และนำพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
79
25 เม.ย. 2568, 16:32
ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจทุกเส้นทาง: 7 ข้อควรรู้สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์
การขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นวิธีเดินทางที่สะดวกและคล่องตัว แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง วันนี้เราไอดีไดร์ฟเวอร์จะพาทุกท่านไปเรียนรู้หลักการขับขี่ เพื่อให้ทุกการเดินทางปลอดภัยและมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง นี่คือ 7 ข้อควรรู้สำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ค่ะ
ตรวจสอบความพร้อมของรถ:
ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน โดยเฉพาะระบบเบรก ระบบไฟส่องสว่าง สภาพยาง และอุปกรณ์อื่นๆ
หากพบชิ้นส่วนที่ชำรุดหรือน่าสงสัย ควรรีบนำไปซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที
สวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง:
ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายต้องสวมหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐาน และปรับสายรัดคางให้กระชับพอดี
การสวมหมวกกันน็อกช่วยป้องกันศีรษะจากการกระแทก ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
มีสติและไม่ประมาท:
ผู้ขับขี่ต้องมีสติและสมาธิในการขับขี่ตลอดเวลา ไม่ประมาทหรือประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
ควรคาดการณ์อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะควบคุมรถได้อย่างถูกต้อง
ใช้ความเร็วที่เหมาะสม:
ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพถนนและสภาพแวดล้อม
การใช้ความเร็วที่เหมาะสมช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และสามารถเบรกหรือหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัย
ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด:
ไม่ขับขี่ขณะมึนเมา และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่ขับรถย้อนศร ไม่ขับรถบนทางเท้า
ระมัดระวังการแทรกระหว่างรถยนต์ในช่องทางแคบๆ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
หลีกเลี่ยงรถบรรทุกและรถขนาดใหญ่:
ไม่ขับขี่เข้าใกล้รถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่ เนื่องจากมีจุดบอดที่ผู้ขับขี่รถขนาดใหญ่มองไม่เห็นรถจักรยานยนต์
รักษาระยะห่างจากรถขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ไม่ดัดแปลงสภาพรถ:
ไม่ดัดแปลงสภาพรถที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย เช่น ล้อ ยาง กระจกมองข้าง ท่อไอเสีย
อุปกรณ์ต่างๆ ของรถได้รับการออกแบบและทดสอบมาแล้ว เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อควรจำ:
การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยต้องอาศัยความระมัดระวังและมีสติอยู่เสมอ
การปฏิบัติตามกฎจราจรและคำแนะนำด้านความปลอดภัยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกท่านนะคะ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
83
25 เม.ย. 2568, 16:22