บทความและความรู้


ขี่มอเตอร์ไซค์ ทำตามนี้… ขี่ง่าย ปลอดภัยขึ้นเยอะ

ขี่มอเตอร์ไซค์ ทำตามนี้… ขี่ง่าย ปลอดภัยขึ้นเยอะ การขี่มอเตอร์ไซค์ให้ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้  วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด จะมาแนะนำบางเคล็ดลับ ที่สามารถช่วยให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์ของคุณปลอดภัยขึ้น ขับรถมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ อย่างปลอดภัย เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ต้องลุยน้ำ ขับขี่อย่างไรจึงจะปลอดภัย ระดับน้ำต้องสูงไม่เกิน 1 ฟุตจากพื้นถนน ห้ามท่วมถึงกรองอากาศ หรือสูงเกินท่อไอเสีย ผู้ขับขี่ต้องมีทักษะการขับขี่ที่ดีโดยคำนึงความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง ดังนี้ ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูง ให้ใช้เกียร์ต่ำ รักษาความเร็วให้คงที่ในระหว่างลุยน้ำ เพราะพื้นถนนอาจมีหลุมบ่อที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ หากเครื่องยนต์ดับ ห้ามสตาร์ทรถโดยเด็ดขาดให้รีบเข็นไปไว้บนที่แห้ง แล้วทำการตรวจเช็ก และระบายน้ำออกจากท่อไอเสียด้วยการสตาร์ทเครื่องและเร่งเครื่องไว้สัก 3-5 นาที ให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนแล้วจึงขับต่อไปได้ อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์เมื่อถึงที่หมาย ให้ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ เพื่อให้ความร้อนในท่อไอเสียไล่น้ำออกจากระบบ ช่วยลดการเกิดสนิมในท่อไอเสีย ช่วยรักษาเครื่องยนต์ หลังลุยน้ำ ผู้ขับขี่สามารถตรวจสภาพรถเบื้องต้นด้วยตนเอง โดยปัญหาที่มักเกิดขึ้น คือ น้ำมันโซ่แห้ง จากการโดนน้ำเป็นระยะเวลานาน ควรรีบหยอดน้ำมันเพื่อเป็นการถนอมโซ่และความปลอดภัยในการขับขี่ 5 วิธี ขับขี่รถจักรยานยนต์ทางโค้ง เทคนิคการเข้าโค้งที่ถูกต้อง เป็นอีกสิ่งที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีความจำเป็นต้องรู้และฝึกฝนให้ชำนาญ เพราะจะส่งผลเป็นอย่างมากต่อความปลอดภัย จึงรวบรวมเทคนิคการขับขี่รถจักรยานยนต์ทางโค้ง 5 วิธีที่ถูกต้องและปลอดภัย มาฝากกัน ใช้สายตามองถนน เพื่อประเมินทาง สังเกตสภาพพื้นผิวถนน ขับขี่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ลดความเร็วลงก่อนเข้าโค้ง กรณีเป็นเกียร์ธรรมดาให้เปลี่ยนเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เอียงตัวและรถไปในองศาเดียวกันตามทิศทางของทางโค้ง หากเป็นโค้งที่คับแคบ หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วควรจะเอียงตัวรถให้พอเหมาะเพื่อสร้างสมดุล ส่วนโค้งง่ายๆ หรือขับขี่ด้วยความเร็วไม่มาก ไม่จำเป็นต้องเอียงรถมากเกินไป อาจทำให้รถเสียหลักลื่นไถลได้ เท้าทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พักเท้าตลอดเวลา หัวเข่าแนบชิดถังน้ำมันตั้งศีรษะให้ตรงเพื่อช่วยสร้างสมดุล เมื่อรถเริ่มวิ่งผ่านโค้งค่อยๆ เร่งเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวล เพื่อช่วยพยุงรถให้ตั้งตรงอย่างปลอดภัย ห้ามบีบคลัตช์ขณะเข้าโค้ง เมื่อเข้าโค้งบนถนนที่เปียกหรือลื่น ควรเข้าโค้งอย่างช้าๆ ทุกครั้งอย่าลืมใส่หมวกกันน็อค – 69% ช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บศีรษะและสมอง – 39% ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของคนขับ และคนซ้อนท้าย การขับขี่รถจักรยานยนต์ บนทางลาดชัน เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ชวนมาเรียนรู้และฝึกฝนทักษะ การขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางลาดชัน เมื่อเดินทางขึ้นหรือลงเนินเขา ผู้ขับขี่ควรปรับความเร็วของรถ เลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมและควบคุมเบรกโดยวิธีที่แตกต่างจากการขับขี่บนทางเรียบ การขับขึ้นทางลาดชัน • เลือกเกียร์ที่เหมาะสมเพื่อขึ้นเนิน • โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ปรับความเร็วโดยบังคับคันเร่ง • เมื่อเครื่องเร่งไม่ขึ้น ลดเกียร์ให้ต่ำลงก่อนที่เครื่องยนต์จะกระตุก • ขี่รถขึ้นยอดเนินอย่างช้าๆ เนื่องจากเรามองไม่เห็นทัศวิสัยข้างหน้า การขับลงทางลาดชัน • เลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมเมื่อขับขี่ลงจากเนิน เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย • ใช้ทั้งเบรกตามปกติและเน้นในการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกควบคู่กันเมื่อขับรถลงจากเนินเขา • ไม่ควรเบรกค้างไว้บ่อยๆ เพราะจะทำให้เบรกไหม้และเบรกไม่อยู่ • ถ้าต้องการเบรก ควรใช้วิธีย้ำเบรกเป็นระยะๆ หรือใช้เกียร์ต่ำแทนจะเหมาะกว่า การขับขี่รถจักรยานยนต์ เวลากลางคืน การขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องปลอดภัยทุกเวลา ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางคืน วันนี้เราจึงนำเทคนิคขับขี่รถจักรยานยนต์ตอนกลางคืน มาฝากผู้ขับขี่ให้ระมัดระวังมากขึ้น เตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง – ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า และเช็กสภาพอากาศ – เช็กระบบไฟส่องสว่างให้พร้อมใช้งานทุกดวง – หลีกเลี่ยงหรืองดยาที่ทำให้มีอาการง่วงซึม – สวมเสื้อผ้าและหมวกกันน็อคสีสดใส เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม สามารถหยุดรถได้ทันอย่าปลอดภัย – สังเกตเส้นทาง มองให้ดี – ระมัดระวังทางแยก หรือทางเลี้ยวต่างๆ ควรชะลอความเร็ว – ไม่ควรอยู่ในจุดบอดของรถคันหน้า – ไม่เปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน ในเวลากลางคืน ความสามารถในการมองเห็นระยะทางข้างหน้าจะลดน้อยลง ดังนั้น หากต้องขับผ่านเส้นทางที่มืดมากๆ ให้เปิดไฟสูง เมื่อมีรถสวนเลนมาค่อยปรับเปิดไฟต่ำ ดื่มไม่ขับ เมาไม่ขับ  ทุกครั้งอย่าลืมใส่หมวกกันน็อค   การขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากการเรียนรู้และฝึกฝนเทคนิคการขับขี่ การเลือกสวมใส่เครื่องแต่งกายให้เหมาะสมก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะหมวกนิรภัยจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงให้ผู้ขับขี่ หมวกนิรภัย ผู้ขับขี่และผู้ช้อนท้ายต้องสวมใส่หมวกนิรภัยที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก มอก. ในขณะขับขี่รถทุกครั้ง ใส่สายรัดคางให้แน่นกระชับพอดี ไม่รัดแน่นหรือหลวมเกินไป โดยปกติสามารถใช้นิ้วชี้สอดเข้าไปใต้คางได้พอดี ประเภทของหมวกนิรภัย – หมวกนิรภัยแบบเต็มใบปิดหน้า – หมวกนิรภัยแบบเต็มใบเปิดหน้า – หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ การใส่หมวกกันน็อคควรรัดคางในระดับที่พอดีทุกครั้งทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย ไม่ว่าจะขับขี่ในระยะทางใกล้หรือไกล ลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยให้ตัวคุณและคนที่คุณรัก   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ขับขี่ปลอดภัย by DLT

481 25 เม.ย. 2568, 15:48

เช็กก่อนเชื่อ! รัฐบาล เปิดชื่อ 6 หน่วยงานที่ มิจฉาชีพชอบแอบอ้าง เตือนประชาชน อย่าหลงกล ระวังถูกดูดเงินในบัญชี

วันที่ 29 ก.พ. 67 นาย คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายรายว่า ได้รับข้อความสั้น (SMS) หรือได้รับสายโทรศัพท์จาก มิจฉาชีพ ซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานภาคเอกชน สร้างความน่าเชื่อถือ ออกอุบายต่างๆ  เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน หรือโอนเงินไปตรวจสอบ หรือกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชั่นของหน่วยงานเหล่านั้น ซึ่งมิจฉาชีพได้สร้างปลอมขึ้นมา เป็นเหตุให้เงินของผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพโอนออกไปจนหมดบัญชี  นายคารม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ จากข้อมูล พบว่าหน่วยงานที่มิจฉาชีพมักนำมาแอบอ้าง 6 หน่วยงาน ดังนี้  1.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค : เงินชดเชยแปลงไฟฟ้า-ค่า FT 2.กรมที่ดิน : อัปเดตสถานะที่ดิน 3.สำนักงานประกันสังคม : อัปเดตข้อมูล-โอนค่าประกันโควิด 4.Flash Express : เคลมพัสดุเสียหาย 5.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า : อัปเดตข้อมูล-ยกเลิกโครงการของรัฐ 6.กรมบัญชีกลาง : ทำเรื่องค่ารักษาพยาบาล  “ขอย้ำว่า ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ ไม่มีนโยบายโทรศัพท์ หรือส่ง SMS ไปหาประชาชน ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้มีสติอย่าหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ” นาย คารม กล่าว   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : nbt2hd  

192 22 เม.ย. 2568, 06:36

11 วิธีเก็บเงินให้อยู่ แบบฉบับคนชอบใช้เงิน ได้ผลจริง

11 วิธีเก็บเงินให้อยู่ แบบฉบับคนชอบใช้เงิน ได้ผลจริง   การวางแผนการเงินเบื้องต้น เพื่อความมั่นคงในอนาคต             ขั้นตอนการวางแผนการเงินเบื้องต้นเพื่อความมั่นคงในอนาคตหรือเรียกง่าย ๆ คือ วิธีเก็บเงินให้อยู่ ควรจะเริ่มตั้งแต่การการกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจนเพื่อให้มีแรงพลักดันในการออมเงิน โดยการสร้างงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนเพื่อควบคุมการใช้เงินฟุ่มเฟือย และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้ได้มากที่สุด   การวางแผนที่ดีจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างดังนี้ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย             การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายมีประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับนิสัยการใช้จ่าย คุณจะรู้ว่าเงินของคุณไปไหน ทำให้เราเห็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนได้รัดกุม และการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้อีกด้วย       2. การวางแผนการเงินตามเป้าหมายชีวิต                     การวางแผนการเงินตามเป้าหมายชีวิตเป็นการเพิ่มแรงผลักดันในการเก็บเงินให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายระยะสั้น หรือว่าระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น การเก็บเงินสำหรับการศึกษา การเก็บเงินเพื่อแต่งงาน การเก็บเงินไว้ใช้ยาวเกษียณ เป็นต้น โดยเราอาจจะแบ่งแยกเงินเก็บออกเป็นส่วน ๆ เพื่อที่จะทำให้การเก็บเงินสามารถทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่สามารถจัดสรรได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล      3. การเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน                     สถานการณ์ฉุกเฉินหรือการเกิดเหตุไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นในชีวิต แต่เนื่องจากว่าชีวิตคนเรามักไม่แน่นอน การเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรที่จะมีเงินสำรองฉุกเฉินเตรียมไว้ประมาณ 6 เท่า จากระดับค่าใช้จ่ายตามปกติในแต่ละเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ แนะนำวิธีเก็บเงินให้อยู่ฉบับคนใช้เงินเก่ง 1 .เก็บก่อนใช้             หลายคนที่หลังจากเงินเดือนออกก็มักที่จะนำไปซื้อของที่อยากได้ทันที การใช้ชีวิตแบบนี้มันมีความเสี่ยงที่มากจนเกินไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้เงินไม่พอใช้จนทำให้ต้องเกิดการกู้ยืมในอนาคต             ดังนั้น วิธีเก็บเงินให้อยู่วิธีแรกเราจึงอยากแนะนำว่าเวลาที่อยากได้อะไรให้ทำการเก็บเงินเพื่อที่จะไปซื้อ มันจะเป็นการใช้เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายปกติ และยังเป็นการประวิงเวลาจนอาจจะทำให้ไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้นแล้ว ซึ่งเงินที่เก็บมาก็จะกลายเป็นเงินเก็บต่อไปอีกด้วย 2.เปิดบัญชีฝากประจำ             การเปิดบัญชีฝากประจำเป็นหนึ่งในวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นการออมเงินที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา แต่ก็ไม่เสี่ยงเหมือนกับกองทุนรวม ซึ่งเราก็สามารถเลือกได้ระหว่างบัญชีเงินฝากประจำแบบฝากเงินเพียงครั้งเดียว และบัญชีเงินฝากประจำแบบฝากเงินทุกเดือน ช้อปไปเท่าไหร่ออมคืนเท่านั้น 3.ช้อปไปเท่าไหร่ออมคืนเท่านั้น เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่เหมาะสำหรับคนที่มีรายรับในระดับที่พอสมควร เนื่องจากเราต้องเก็บเงินมากกว่าปกติถึง 2 เท่า ถึงจะทำการซื้อของที่อยากได้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับวิธีเก็บเงินให้อยู่ 4. เก็บเหรียญหรือแบงค์ที่ชอบ     การเก็บเหรียญหรือแบงค์ที่ชอบเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมมาก สามารถที่จะทำได้ทุกวัย โดยส่วนมากจะเป็นการเก็บแบงค์ที่เจอได้ยาก อย่างเช่นแบงค์ 10 บาท หรือ 50 บาท เป็นต้น และการเก็บเหรียญบางรุ่นเอาไว้ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดประมูลนักสะสมเหรียญ และเป็นอีกวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้ดีอีกด้วย 5. เก็บเงินตามวันที่     การเก็บเงินตามวันที่เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบ และความสม่ำเสมอสูง แต่ก็สามารถการันตีจำนวนเงินเก็บในแต่ละเดือนได้ดี โดยเราจะเก็บเงินเท่ากับจำนวนวันที่ไปเรื่อย ๆ จนจบเดือน หากใครที่มีกำลังมากหน่อยก็อาจจะเพิ่มจำนวนเงินเป็น 2 หรือ 3 เท่าจากปกติก็ได้ 6.เลิกนิสัยโอนเงินไว      การเว้นระยะเวลาคิดให้รอบคอบถึงความจำเป็นก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไร จะทำให้เราตระหนักถึงความจำเป็นในการซื้อของชิ้นนั้น ๆ และเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่มากขึ้น ทำให้มีความอยากได้ลดลง หากเปลี่ยนใจเป็นไม่ซื้อก็เท่ากับว่าเราจะมีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้น 7.เงินเหลือหยอดกระปุก      หลายคนที่แบ่งเงินในในแต่ละวันอย่างชัดเจน การเก็บเงินเหลือไปหยอดกระปุกจะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ช่วยควบคุมให้เราไม่ใช้เงินเกินกว่าที่ทำหนด นอกจากจะทำให้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นได้ ยังเป็นการสร้างวินัยให้ตัวเองได้อีกด้วย 8. บันทึกรายรับ-รายจ่าย      การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายส่วนตัวในแต่ละวันเป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่จะทำให้เราเห็นนิสัยการใช้เงินของตัวเอง เห็นว่าเงินใช้จ่ายไปกับอะไรที่ไม่จำเป็นบ้าง หากเราตัดส่วนนั้นออกไป หรือปรับให้น้อยลงได้ ก็จะทำให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มีคนไทยจำนวนเพีงแค่ 2-3% เท่านั้นเองที่ทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายรายวัน 9. งดอาหารหรือสิ่งฟุ่มเฟือยประจำวัน             การลดหรืองดสิ่งที่เป็นเรื่องฟุ่มเฟือยประจำวันได้เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ดีเลยเพราะสามารถทำให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่างเช่นการงดเหล้า งดบุหรี่ เป็นต้น  แต่สำหรับการงดอาหารเราก็อาจจะเลือกแค่บางมื้อ หรือปรับพฤติกรรมการกินให้น้อยลง หรือเลือกอาหารที่ราคาถูกลง อาจจะปรับโดยการทำ IF แล้วกินอาหารแค่ 2 มื้อ นอกจากจะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่แล้วเรายังจะมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย 10. ใส่กระปุกที่เปิดไม่ได้             การเลือกใช้กระปุกแบบที่เปิดไม่ได้จะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่บังคับให้เราไม่นำเงินเก็บออกมาใช้เพราะจะต้องทุบกระปุกทิ้ง เป็นการบังคับตัวเองให้เก็บเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมมากอีกด้วย 11. เก็บจากเศษเงินเดือน             การเก็บเงินจากเศษเงินเดือนหลักร้อยเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ทำได้ง่าย โดยปกติเงินเดือนของเราจะมีเศษอยู่แล้วหลังจากหักเงินกองทุนประกันสังคม หากเราเก็บเงินจากเศษตรงนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินเก็บได้เป็นจำนวนมากต่อปี   ขอขอบคุณข้อมูล : scbprotect

546 25 เม.ย. 2568, 15:47

6 ขั้นตอนปรับท่านั่งขับรถ ให้สบาย และปลอดภัยที่สุด

6 ขั้นตอนปรับท่านั่งขับรถ ให้สบาย และปลอดภัยที่สุด   ท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่แล้ว ยังช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดีที่สุดเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็ว วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด จะมาแนะนำ ลองมาดูกันว่าการปรับท่านั่งขับรถให้ถูกต้อง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง   นั่งให้ชิดเต็มเบาะ เริ่มต้นจากขยับแผ่นหลัง สะโพก และต้นขา ให้ชิดเบาะด้านในมากที่สุด เพื่อให้เบาะโอบรับสรีระร่างกายทุกส่วน ช่วยลดอาการเมื่อยล้า และสร้างความมั่นคงในขณะขับขี่ การนั่งไม่เต็มเบาะ จะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยหลัง   ปรับความสูงเบาะให้เหมาะสม ปรับความสูงของเบาะ ให้เหลือระยะห่างระหว่างศีรษะ กับเพดานรถเท่ากับหนึ่งกำปั้น หรือความกว้างของฝ่ามือ เพื่อให้มีทัศนวิสัยการขับขี่ที่เหมาะสม พร้อมกับยกปลายเบาะให้เงยขึ้นเล็กน้อย การปรับเบาะเตี้ยหรือสูงเกินไป จะทำให้ทัศนวิสัยแย่ และควบคุมรถลำบาก   ปรับระยะห่างเบาะให้พอดี ปรับระยะเบาะให้เข่ามีมุมงอ เมื่อเหยียบเบรกจนสุด เพื่อให้สามารถเหยียบเบรก และคันเร่งได้เต็มที่ ช่วยลดการบาดเจ็บ หากเกิดการชนจากด้านหน้า อย่าปรับเบาะไกลเกินไป จนขาตึง เพราะทำให้เหยียบเบรกไม่ถนัด และทำให้บาดเจ็บหนักจากการชน   ปรับพนักพิงให้เอนเล็กน้อย พนักพิงควรเอนเพียงเล็กน้อย ประมาณ 110 องศา เพื่อให้มีระยะห่างจากพวงมาลัยที่เหมาะสม ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย การเอนตัวขับ นอกจากจะควบคุมรถได้ไม่ดีแล้ว ยังทำให้เมื่อยหลังโดยไม่รู้ตัว และเกิดความเครียดจากการต้องเพ่งมองทางมากกว่าปกติ   จับพวงมาลัย 3 และ 9 นาฬิกา ตำแหน่งการจับพวงมาลัยที่ดีที่สุดคือ 3 และ 9 นาฬิกา และสูงไม่เกินช่วงไหล่  เพราะทำให้สามารถหมุนพวงมาลัยได้รวดเร็วที่สุด พวงมาลัยหลุดมือยาก และลดอาการเมื่อยล้าช่วงหัวไหล่ อย่าจับพวงมาลัยมือเดียว หรือหมุนด้วยการคล้อง และคลึงโดยเด็ดขาด เพราะพวงมาลัยอาจหลุดมือ และเสียการควบคุมรถได้   แขนงอขณะจับพวงมาลัย เมื่อปรับระยะห่าง และพนักพิงตามที่แนะนำแล้ว วิธีตรวจสอบระยะที่ถูกต้องคือ ลองเอาแขนเหยียดตรง แล้วพาดที่ด้านบนของพวงมาลัย ระยะที่ถูกต้องคือข้อมือต้องวางบนพวงมาลัยได้พอดี โดยที่ตัวยังแนบกับเบาะ ถ้ายังไม่พอดี ให้ปรับพวงมาลัยเข้า/ออก จนได้ระยะที่ต้องการ เมื่อลดมือลงมาจับที่ตำแหน่งจริง แขนจะเหลือมุมงอที่เหมาะสม ทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ดี การปรับท่านั่งตามที่แนะนำไปทั้งหมด จะทำให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นในทุกสถานการณ์ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ความเครียดในขณะขับขี่ลดลงอีกด้วย สำหรับบางคน อาจรู้สึกไม่ถนัดเมื่อเริ่มทำในครั้งแรก แต่หลังจากที่ปรับตัวได้ จะพบว่า ท่านั่งที่ถูกต้อง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีมาก   ขอบคุณข้อมูลจาก : motorexpo  

612 25 เม.ย. 2568, 22:20

วันวาเลนไทน์ 2567 ทำไมตรงกับ 14 กุมภาพันธ์

วันวาเลนไทน์ 2567 ทำไมตรงกับ 14 กุมภาพันธ์ 'วันวาเลนไทน์ 2567' (Valentine's Day) หรือ วันแห่งความรัก ถูกตั้งชื่อตามนักบุญวาเลนไทน์ นักบวชคาทอลิกที่อาศัยอยู่ในกรุงโรมในช่วงศตวรรษที่ 3 จะตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี 'วันวาเลนไทน์' มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประเทศเหล่านั้นก็ตาม 'วันวาเลนไทน์' หรือเรียกอีกอย่างว่า 'วันนักบุญวาเลนไทน์' แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกหนึ่งหรือสองคนชื่อ วาเลนตินัส ความหมายโรแมนติก มีการกำหนด วันวาเลนไทน์ ขึ้นครั้งแรกโดย สมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 จะให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป (General Roman Calendar) ในปี ค.ศ. 1969 'วันวาเลนไทน์' เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึง นักบุญวาเลนไทน์ ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เพราะในยุคนั้นมีกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแต่งงานของพวกคริสเตียน แต่เซนต์วาเลนไทน์ยังแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษ โดยในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอดซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ แต่เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจและยึดถือเอาวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก นั่นเอง   'วันวาเลนไทน์' มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ เมื่อประเพณีรักเทิดทูน เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนา มาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กันโดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกันในภายหลังประเพณีการแสดงออกความรักไม่ได้เป็นที่นิยมเพียงแค่ทางฝั่งตะวันตกหากแต่มีการแพร่กระจายความนิยมไปทั่วโลก โดยคนส่วนใหญ่ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันแห่งการแสดงความรักให้กันจนถึงปัจจุบัน   สัญลักษณ์ วันวาเลนไทน์ เทพเจ้าคิวปิด ถือเป็นสัญลักษณ์ 'วันวาเลนไทน์' ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม) ชาวยุโรปเชื่อว่าเทพเจ้าองค์นี้ สามารถบันดาลให้คนตกหลุมรักกันได้ ด้วยการแผงศรประจำตัว เทพเจ้าคิวปิด จึงถูกยกย่องให้เป็น เทพเจ้าแห่งความรัก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ มอบ ช็อกโกแลต ใน วันวาเลนไทน์ ทำไมถึงนิยมมอบ ช็อกโกแลต Chocolate ให้กัน ว่ากันว่า ในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตนั้น ช็อกโกแลต ยังเป็นของหายาก จึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไร และอาจจะรวมไปถึงการที่ช็อกโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วย   สีของ ดอกกุหลาบ สื่อความหมายอะไร ดอกกุหลาบสีแดง  หมายถึง  ฉันรักเธอ และต้องการเพียงแค่เธอ ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง รักของฉันคือความรักที่บริสุทธิ์ใจ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง รักของเราคือมิตรภาพที่ดี ตลอดไป ดอกกุหลาบสีพีช (สีโอรส) หมายถึง ฉันจะรักและทะนุถนอมเธอจากใจจริง ดอกกุหลาบสีส้ม หมายถึง ฉันจะมอบความรักที่อบอุ่นหัวใจให้คุณ ดอกกุหลาบสีชมพู  หมายถึง รักของเรากำลังหวานฉ่ำ   ขอบคุณข้อมูลจาก : คมชัดลึก    

2448 26 เม.ย. 2568, 04:35


Scroll to Top