บทความและความรู้


คําอวยพรวันตรุษจีน 2567 ภาษาจีน พร้อมแปลไทย ความหมายดี รวยๆ เฮงๆ

     วันตรุษจีน 2567 ปีมังกรทอง มีทั้งภาษาจีน เป็นข้อความที่มีความหมายดีๆ เสริมสิริมงคลในเรื่องต่างๆ นิยมส่งมอบให้แก่กัน  เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทิน เนื้อหาที่ใช้อวยพรส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความสุข ความสำเร็จ สุขภาพ และความร่ำรวย ซึ่งในปัจจุบันการอวยพรวันตรุษจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่คนไทยโดยทั่วไปก็ยังนิยมใช้ด้วยเช่นกัน       วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด รวบรวมคำอวยพร 30 คำอวยพร วันตรุษจีน 2567 ภาษาจีน พร้อมคำอ่านพินอิน (ระบบเทียบเสียงที่ถอดจากภาษาจีนมาเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ) และคำแปลภาษาไทยความหมายดีๆ เป็นมงคล ให้เลือกนำไปใช้กันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ 1. 新正如意 新年发财 พินอิน : xīn zhēng rúyì xīnnián fācái คำอ่าน : ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย (ภาษาจีนถิ่นแต้จิ๋ว ออกเสียงว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้") แปลว่า : ปีใหม่นี้ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา มั่งคั่งร่ำรวยตลอดปี 2. 新年快乐 身体健康 พินอิน : xīnnián kuàilè shēntǐ jiànkāng คำอ่าน : ซินเหนียนไคว่เล่อ เซินถีเจี้ยนคัง แปลว่า : ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ สุขภาพแข็งแรงตลอดปี 3. 万事如意 心想事成 พินอิน : wànshì rúyì xīn xiǎng shì chéng คำอ่าน : ว่านซื่อหรูอี้ ซินเสี่ยงซื่อเฉิง แปลว่า : ขอให้เรื่องต่างๆ ผ่านไปอย่างราบรื่น คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา 4. 合家平安 พินอิน : héjiā píng'ān คำอ่าน : เหอเจียผิงอัน แปลว่า : ขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข 5. 家庭幸福 พินอิน : jiātíng xìngfú คำอ่าน : เจียถิงซิงฝู แปลว่า : ขอให้ครอบครัวมีความสุข 6. 家好运气 พินอิน : jiā hǎo yùnqì คำอ่าน : เจียห่าวยวิ่นชี่ แปลว่า : ขอให้มีแต่ความโชคดีเข้ามาในบ้าน 7. 岁岁平安 พินอิน : suì suì píng'ān คำอ่าน : ซุ่ยซุ่ยผิงอัน แปลว่า : ขอให้เป็นปีที่่สงบสุขและปลอดภัย 8. 吉祥如意 พินอิน : jíxiáng rúyì คำอ่าน : จี๋เสียงหรูอี้ แปลว่า : คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา 9. 祝你长寿 พินอิน : zhù nǐ chángshòu คำอ่าน : จู้หนี่ฉางโส่ว แปลว่า : ขอให้มีอายุยืนยาว 10. 祝你健康 พินอิน : zhù nǐ jiànkāng คำอ่าน : จู้หนี่เจี้ยนคัง แปลว่า : ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง 11. 龙马精神 พินอิน : lóngmǎ jīngshén คำอ่าน : หลงหม่าจิงเสิน แปลว่า : ขอให้สุขภาพแข็งแรง 12. 美梦成真 พินอิน : měimèng chéng zhēn คำอ่าน : เหม่ยเมิ่งเฉิงเจิน แปลว่า : ขอให้ความฝันกลายเป็นจริง 13. 四季平安 พินอิน : sìjì píng'ān คำอ่าน : ซื่อจี้ผิงอัน แปลว่า : ขอให้ปลอดภัยตลอดปี 14. 黄金万两 พินอิน : huángjīn wàn liǎng คำอ่าน : หวงจินว่านเหลี่ยง แปลว่า : ขอให้มีเงินทองเป็นทวีคูณ 15. 一切如意 พินอิน : yīqiè rúyì คำอ่าน : อี๋เชี่ยหรูอี้ แปลว่า : ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่งที่คิดไว้ 16. 事业发展 พินอิน : shìyè fāzhǎn คำอ่าน : ซื่อเย่ฟาจ่าน แปลว่า : ขอให้กิจการพัฒนาก้าวหน้า 17. 生意兴隆 พินอิน : shēngyì xīnglóng คำอ่าน : เซิงอี้ซิงหลง แปลว่า : ขอให้กิจการรุ่งเรือง 18. 祝您生意兴隆 พินอิน : zhù nín shēngyì xīnglóng คำอ่าน : จู้หนินเซิงยี่ซิงหลง แปลว่า : ขอให้กิจการและธุรกิจของท่านเจริญรุ่งเรือง 19. 百业兴旺 พินอิน : bǎiyè xīngwàng คำอ่าน : ไป่เย่ซิงว่าง แปลว่า : ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า 20.  工作顺利 พินอิน : gōngzuò shùnlì คำอ่าน : กงจั้วซุ่นลี่ แปลว่า : ขอให้หน้าที่การงานราบรื่น 21. 事事顺利 พินอิน : shì shì shùnlì คำอ่าน : ซื่อซื่อซุ่นลี่ แปลว่า : ทำอะไรก็ขอให้ราบรื่นในทุกๆ เรื่อง 22. 月月涨工资 พินอิน : yuè yuè zhǎng gōngzī คำอ่าน : เยวี่ยเยวี่ยจั่งกงจือ แปลว่า : ขอให้เงินเดือนขึ้น 23. 祝你步步高升 พินอิน : zhù nǐ bùbùgāo shēng คำอ่าน : จู้หนินปู้ปู้เกาเซิง แปลว่า : ขอให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป 24. 事业发达 พินอิน : shìyè fādá คำอ่าน : ซื่อเย่ฟาต๋า แปลว่า : ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง 25. 年年有余 พินอิน : nián nián yǒuyú คำอ่าน : เหนียนเหนียนโหย่ว-อวี๋ แปลว่า : ขอให้ท่านเงินทองเหลือกินเหลือใช้ทุกปี 26. 财源广进 พินอิน : cáiyuán guǎng jìn คำอ่าน : ไฉหยวนกว่างจิ้น แปลว่า : ขอให้เงินทองไหลมาเทมา 27. 大吉大利 พินอิน : dàjí dàlì คำอ่าน : ต้าจี๋ต้าลี่ แปลว่า : ขอให้ค้าขายได้กำไรงาม 28. 日日有见财 พินอิน : rì rì yǒu jiàn cái คำอ่าน : ยื่อยื่อโหย่วเจี้ยนไฉ แปลว่า : ขอให้ร่ำรวยในทุกๆ วัน 29. 招财进宝 พินอิน : zhāo cái jìn bǎo คำอ่าน : เจาไฉ่จิ้นเป่า แปลว่า : ขอให้ทรัพย์สินเงินทองไหลเข้ามา 30. 金玉满堂  พินอิน : Jīnyù mǎntáng คำอ่าน : จินอวี้หม่านถัง แปลว่า : ขอให้ร่ำรวย เงินทองเต็มบ้าน จะเห็นได้ว่า คําอวยพรวันตรุษจีน 2567 ภาษาจีนบางข้อความ ก็มักนิยมนำมาใช้เป็นอักษรมงคลติดตามประตูบ้านหรือสถานที่ต่างๆ สืบเนื่องมาจากตัวอักษรเหล่านี้มีความหมายดีๆ ที่มีความเป็นสิริมงคลแฝงอยู่นั่นเองค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thairath ขอบคุณภาพภาพจาก :ศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า ขอนแก่น

1483 26 เม.ย. 2568, 02:30

วันตรุษจีน 2567 ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

วันตรุษจีน 2567 ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน         วันตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน มีการเฉลิมฉลองกันเป็นเวลา 15 วัน โดยวันแรกเรียกว่า "วันจ่าย" เป็นวันที่คนในครอบครัวออกไปจับจ่ายซื้อของสำหรับไหว้บรรพบุรุษและเฉลิมฉลองปีใหม่ วันรุ่งขึ้นเรียกว่า "วันไหว้" เป็นวันไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าต่างๆ วันสุดท้ายเรียกว่า "วันเที่ยว" เป็นวันที่คนในครอบครัวไปเยี่ยมญาติมิตรและเฉลิมฉลองปีใหม่กัน          ในช่วง "วันตรุษจีน" จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือนผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใส ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ในตลาดคราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาซื้อปลา เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ ฯลฯ  ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข เด็กๆ สวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาด ขนมหวาน เล่นพลุประทัด อย่างรื่นเริง วันนี้บริษัท  ไอดีไดรฟ์  จำกัด เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ วันตรุษจีน 2567 มีรายละเอียดดังนี้ ปฏิทินวันตรุษจีนปี 2567 วันจ่าย ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 วันจ่าย คือ วันก่อนวันสิ้นปีก่อนถึงตรุษจีน เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องออกไปจับจ่าย ซื้อของ รวมทั้งอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ วันไหว้ตรุษจีน ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ตอนเช้ามืด จะเริ่มพิธีการไหว้ ป้ายเล่าเอี๊ย โดยเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ มีเครื่องประกอบการไหว้ คือ เนื้อสัตว์สามอย่าง ได้แก่ หมู เป็ด และไก่ ตอนสาย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายแป๋บ้อ เป็นการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ตอนบ่าย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายฮ่อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว วันเที่ยว ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันเที่ยว ซึ่งก็คือวันตรุษจีน เป็นวันที่ทุกคนพากันออกไปท่องเที่ยวและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม สีสันสดใส ไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ และพากันออกเที่ยว ในวันนี้ผู้คนจะหยุดทำงาน พร้อมทั้งถือเคล็ดต่างๆ ตามธรรมเนียมตรุษจีน ประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีน วันตรุษจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม (ปิดเรียนฤดูหนาว)ในช่วงนี้ เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ในวันตรุษจีนหน่วยงานห้างร้านต่างจะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อตระเตรียมจัดงานปีใหม่นี้ วันตรุษจีน นั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร วันตรุษจีน นั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน" ว่ากันว่า 1 คืนก่อนวันปีใหม่จีน คือวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหารชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไปชิมไป ทานไปครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะตื่นแต่เช้าไปเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงเพื่ออวยพรปีใหม่ ประเพณีและกิจกรรมของวันตรุษจีน การไหว้บรรพบุรุษ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ชาวจีนจะจัดเตรียมอาหารและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ การแจกซองแดง เป็นการมอบเงินขวัญถุงให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นสิริมงคล เด็กๆ ที่ได้รับซองแดงจะต้องกล่าวคำขอบคุณผู้ใหญ่ที่มอบซองแดงให้ การกินอาหารมงคล ชาวจีนเชื่อว่าการกินอาหารมงคลจะช่วยให้มีโชคดีตลอดทั้งปี อาหารมงคลที่มักรับประทานในวันตรุษจีน ได้แก่ ปลา หมี่ซั่ว ขนมเข่ง เกี๊ยว เป็นต้น การประดับบ้านเรือนด้วยสีแดง สีแดงเป็นสีมงคลของชาวจีน ชาวจีนจึงนิยมประดับบ้านเรือนด้วยสีแดงในวันตรุษจีน การเยี่ยมญาติมิตร ชาวจีนจะใช้เวลาในวันตรุษจีนไปเยี่ยมญาติมิตร เพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยกัน อาหารและขนมมงคลของวันตรุษจีน ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์ ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและความอุดม-สมบรูณ์ ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว * ในทางตอนใต้ของจีน อาหารที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ส่วนทางเหนือได้แก่ หมั่นโถและติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม * อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน       ในวันตรุษจีนทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่ 1. หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน 2. การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผม เพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี 3. วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล 4.บุคคลแรกที่พบ บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี 5.การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ การเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือปกติ ก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก 6.ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ เพราะชาวจีนเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมา แต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือและปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีนตระหนักดีว่า การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เป็นการแสดงถึงความเป็นครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน 15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์ วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้ วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน วันที่สิบห้า คืนแห่งการฉลองโคมไฟ วันตรุษจีน ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sanook.com

524 25 เม.ย. 2568, 15:49

เติมน้ำมันผิด ทำยังไงให้ชีวิตไม่เปลี่ยน !

เติมน้ำมันผิด ทำยังไงให้ชีวิตไม่เปลี่ยน ! หากเติมน้ำมันผิดประเภทต้องทำยังไง อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหน ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถพังไปซะก่อน หลายคนคงมีคำถามอยู่ในใจ  ใครจะไปเติมน้ำมันผิดประเภทใส่รถยนต์ตัวเองได้ ไม่มีหรอก นี่มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนขับรถต้องรู้เลยนะ อ๊ะ! ขอเตือนเลยนะครับว่าอย่าชะล่าใจ เรื่องเล็กๆ แบบนี้ พลาดกันมานักต่อนักแล้วค่ะ เนื่องจากปัจจุบัน น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราเติมกันอยู่มีหลากหลายประเภท และชื่อเรียกก็ค่อนข้างที่จะคล้ายคลึงกันมากพอสมควร จนบ้างครั้งอาจจะเผลอบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายผิดแบบไม่รู้ตัว แต่..แต่..แต่.. ไม่ต้องกังวลไปนะคะ วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด มีวิธีการแก้ไข หากคุณเติมน้ำมันผิดประเภท จะต้องทำอย่างไร อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหนบ้าง ต้องปฏิบัติและแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถของคุณมีปัญหาไปซะก่อน วันนี้มาหาคำตอบกันค่ะ รถยนต์ในปัจจุบันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ เบนซินและดีเซล โดยเครื่องยนต์แต่ละประเภท ก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ได้ถูกต้องตามเครื่องยนต์นั้นๆ หากเติมน้ำมันผิด หรือเติมน้ำมันสลับกันขึ้นมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลักๆ คือ กรณีเครื่องยนต์ดีเซลเติมน้ำมันเบนซิน 1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด 2. มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่ ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้ 3. หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้แล้วเกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง และดับทันที 4. อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล   กรณีเครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล 1. จะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ 2. ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก 3. เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ และไม่สามารถทำความเร็วได้ดี 4. ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุดไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้   เมื่อเติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร? รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ 1. ปิดสวิตช์กุญแจห้ามสตาร์ทรถยนต์โดยเด็ดขาด เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั๊มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันที 2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมด 3. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5-10 ลิตร 4. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด 5. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย) 6. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่ 7. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ 8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ   รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้วจนหยุดทำงาน 1. ให้ปิดสวิตช์กุญแจดับเครื่องยนต์ทันที 2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังทั้งหมด 3. ถอดและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่ 4. ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) ล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ 5. ถอดปั๊มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเทสปั๊มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินไม่มี) 6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์ เช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์ไอดี-ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่ (อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบและก้านวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย) 7. หลังจากจัดการข้อ 4-6 เรียบร้อยแล้วให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร 8. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5 -10 ลิตร 9. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด 10. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่างๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย) 11. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่ 12. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อน “D” หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ 13.ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ   วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการเติมน้ำมันผิดประเภท   ตั้งสติ! ในการบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายว่าเราต้องการน้ำมันชนิดใด ประเภทใด ชื่ออะไร เอาให้ชัด! ด้วยความที่ชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันคล้ายคลึงกันอย่างที่บอกไปข้างต้น อย่าลืมจำชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงที่คุณจะเติมให้แม่นยำ และบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายอย่างชัดเจนด้วยนะคะ  เช็กให้ชัวร์! ด้วยการหันกลับไปสังเกตน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายสักนิดว่าคว้าหัวจ่ายน้ำมันถูกประเภทหรือไม่ ตรวจสอบดูใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย หากเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันจะได้มีหลักฐานไปยืนยันในการแก้ไข ถึงแม้เหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภท อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ควรละเลย หรือชะล่าใจ บางครั้งด้วยความเคยชิน หรือเกิดอาการเผลอ อาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ ทางที่ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภทขึ้น อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งสำคัญ 2 สิ่งเหล่านี้เป็นหลัก นั้นคือ การมีสติ และ การได้รับบริการจากช่างที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อเข้าทำการดูแลให้ความช่วยเหลือค่ะ   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : pttfitauto.com

647 25 เม.ย. 2568, 15:50

ล้างรถ ให้ถูกวิธี มีกี่ขั้นตอน

ล้างรถ ให้ถูกวิธี มีกี่ขั้นตอน วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด เอาใจคนรักรถยนต์ และผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ โดยเฉพาะคนที่รักในการดูแลรถเป็นอย่างดี การล้างรถ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการดูแลรักษารถที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้รถดูสะอาดแล้วยังเป็นการถนอมสีรถไปในตัวอีกด้วย แต่นั่นก็หมายถึงว่า เราจะต้องรู้จักขั้นตอนการล้างรถที่ถูกต้องด้วยนะคะ เพราะการล้างรถที่ผิดวิธีนอกจากจะทำให้รถเราไม่สะอาดแล้ว ก็อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนต่อสีของตัวรถ และอาจจะเกิดสนิมในตัวรถได้เช่นกัน การล้างรถเองสำหรับคนที่รักรถนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากพอสมควรค่ะ การที่เราล้างรถเป็นประจำจะเป็นการช่วยป้องกันคราบสิ่งปรกไม่ให้เกาะรถของเรา เพราะหากรถเราไม่ได้ล้างนานๆ ปล่อยไว้จนเกิดคราบฝั่งแน่นเอาออกยากเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าคงต้องเสียเงินเข้าคาร์แคร์กันอีกแน่ๆครับ ฉะนั้น มาดูกันครับว่าขั้นตอน การล้างรถให้ถูกวิธี มีกี่ขั้นตอน แต่ละขั้นตอนมีอะไรบ้าง เตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม การเตรียมตัวล้างรถด้วยตัวเองง่ายๆ โดยอุปกรณ์ล้างรถมีดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างรถยนต์โดยเฉพาะน้ำยาล้างรถ 2. ฟองน้ำเนื้อละเอียดสำหรับล้างรถ 3. ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ 4. แปรงล้างสำหรับขัดล้อรถยนต์ 5. สายยางฉีดน้ำแรงดันสูง 6. ถังน้ำจำนวน 2 ใบ เพื่อใส่น้ำยาล้างรถ และซักผ้าล้างรถ ขั้นตอนการล้างรถที่ถูกวิธี 1. ฉีดน้ำล้างคราบสกปรก การล้างรถที่ถูกวิธีในขั้นตอนนี้ ให้เริ่มต้นการดูแลรักษารถด้วยการฉีดน้ำจากบนหลังคาลงมาด้านล่างด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการชะล้างคราบสกปรกที่ฝังแน่นให้อ่อนตัวลง 2. ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถ ควรผสมในอัตราส่วนตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลากของ ผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์ เนื่องจากน้ำยาล้างรถแต่ละยี่ห้อมีอัตราส่วนการผสมไม่เท่ากัน 3. ล้างจากหลังคาลงด้านข้าง วิธีล้างรถที่ถูกต้อง ควรใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถทำความสะอาดจากหลังคารถไล่ลงมาด้านข้าง ส่วนบริเวณตามขอบต่างๆ และกระจกรถให้ใช้ผ้าสำลีเช็ดทำความสะอาดแทน เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเม็ดทรายติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนจนต้องเสียเวลาลบรอยขีดข่วนรถยนต์ได้ค่ะ 4. ใช้ฟองน้ำล้างแยกส่วน วิธีการล้างรถอย่างถูกวิธีในขั้นตอนนี้ มักจะมีหลายๆ คนมองข้าม การล้างรถให้สะอาดควรจะต้องแยกฟองน้ำล้างรถตามส่วนต่างๆ ได้แก่ ฟองน้ำอันแรกใช้ทำความสะอาดหลังคารถ ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง ผ้าสำลีใช้ทำความสะอาดกระจกรถและขอบต่างๆ ฟองน้ำอีกอันใช้ล้างล้อรถ และส่วนที่มีคราบสกปรกมากๆ 5. ล้างน้ำเปล่าทันที การล้างรถที่ถูกวิธีนั้น เมื่อทำความสะอาดรถส่วนใดเสร็จแล้วต้องล้างน้ำเปล่าทันที ก่อนที่จะไปล้างส่วนอื่นต่อไป และต้องทำแบบนี้กับทุกส่วนของรถ จากนั้นจึงค่อยล้างรถยนต์ด้วยน้ำเปล่าทั้งคันอีกครั้ง 6. ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อน หากล้างรถเสร็จเรียบร้อยแล้วยังพบคราบหรือรอยเปื้อน ให้ใช้น้ำยาขจัดรอยเปื้อนสำหรับรถโดยเฉพาะทำความสะอาดทันที 7. เช็ดรถให้แห้งทันที มาถึง วิธีล้างรถที่ถูกต้อง ขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว เมื่อทำความสะอาดรถเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว ควรดูแลรักษารถด้วยการใช้ผ้าเนื้อนุ่มๆ ที่ซับน้ำได้ดี หรือผ้าชามัวร์เช็ดรถให้แห้งทันที โดยเฉพาะกระจกหน้ารถ ด้านในฝากระโปรงหลัง ด้านในบริเวณขอบประตู และด้านในฝาถังน้ำมัน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดคราบน้ำ รวมทั้งฝุ่นที่จะมาเกาะพื้นผิวสีรถด้วยเช่นกัน ข้อควรระวังในการล้างรถ ถึงแม้การล้างรถด้วยตนเองนั้น จะทำให้คุณประหยัดรายจ่ายไปก็จริง แต่ถ้าหากคุณไม่ทราบถึงข้อควรระวังในการล้างรถเอง ที่บางคนอาจจะไม่คาดคิดว่าจะเป็นอันตรายกับรถยนต์มากขนาดนั้น ก็อาจทำให้คุณต้องเสียเงินมากกว่าเดิมก็เป็นได้ค่ะ 1. สิ่งที่ไม่ควรใช้ในการทำความสะอาดรถยนต์ คือ น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกเป็นอันขาดเพราะมีความเป็นด่างสูง จะให้ให้สีรถด้าน ไม่เงางาม และเกิดคราบด่างต่างๆติดกับสีรถ 2. ไม่ควรล้างรถในที่แดดจัดๆ เพราะแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับน้ำยาล้างรถทำให้น้ำยาล้างรถระเหยเร็วเกิดไปจนเป็นคราบติดกับตัวรถ ก่อนที่จะขัดล้างรถเสร็จทั้งคัน ต้องเสียเวลากลับมาล้างใหม่อีกครั้ง 3. ไม่ควรปล่อยให้รถแห้งเองตามธรรมชาติ ในการล้างรถเองแต่ละครั้งใช้น้ำในปริมาณที่มาก จึงให้ให้น้ำเกาะอยู่กับตัวรถเป็นจำนวนมาก เมื่อให้รถแห้งเอง จะเกิดคราบน้ำเป็นจุด ทั่วตัวรถ และอาจจะเกิดสนิมกันบริเวณที่อับชื้นได้ 4. อย่าล้างรถในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ เมื่อน้ำไปโดนกับความร้อนของเครื่องยนต์จะให้เกิดไอน้ำขึ้นมา เป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ได้ 5. วัสดุอุปกรณ์ไม่มีคุณสมบัติในการล้างรถ เช่น การใช้ผ้าทั่วไปในการทำความสะอาดรถยนต์ หรือใช้ในการล้างรถ เพราะเนื้อผ้าอาจจะมีความแข็งกระด้างผ้าไม่อ่อนนุ่ม ทำให้เวลาทำความสะอาดรถยนต์ หรือเช็ดรถทำให้รถเป็นรอยได้ การล้างรถด้วยตัวเองนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดอีกต่อไป เพียงแค่ต้องทำความเข้าใจในขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี และรู้จักการใช้อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม เท่านี้คุณก็สามารถที่จะดูแลรถคู่ใจของคุณสะอาดเงางามเหมือนขับออกจากคาแคร์ได้แล้วค่ะ   ขอบคุณข้อมูลจาก : yellowservise.

962 25 เม.ย. 2568, 22:43

7 ประเภทแบตเตอรี่รถยนต์ที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้

7 ประเภทแบตเตอรี่รถยนต์ที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้ แบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ ที่ทำหน้าที่เก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าและคอยจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตัวรถ เพื่อให้เครื่องยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกใช้งานในปัจจุบันนั้นก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งแบตแต่ละประเภทต่างก็มีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบตเตอรี่ทั้ง 7 ประเภทกันค่ะ ว่ามีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่นและแตกต่างกันอย่างไร 1.แบตเตอรี่น้ำ (WET) แบตเตอรี่น้ำ คือ แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรดที่ถูกใช้งานในรถยนต์ทั่วไป มีส่วนประกอบภายในคือโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง แบตเตอรี่ชนิดน้ำเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับคนที่ใช้งานรถเป็นประจำ มีเวลาในการดูแลรักษารถ เพราะต้องคอยตรวจสอบและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ หากละเลยขาดการดูแล แบตเตอรี่ก็จะมีปัญหาและมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติ ข้อดีของแบตเตอรี่น้ำ ราคาถูกเนื่องจากเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานที่ถูกใช้งานในรถยนต์ทั่วไป มีอายุการใช้งานที่ยาวนานหากมีการดูแลรักษาแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง  มีความทนทานต่อการประจุไฟเกินและคายประจุ ข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำ ต้องคอยตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ มีค่าแอมป์และค่า CCA ที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ (ในบางรุ่น) อาจมีการรั่วไหลของสารละลายภายใน หากเคลื่อนย้ายตัวแบตอย่างไม่ถูกต้อง 2.แบตเตอรี่แห้ง (SMF) แบตเตอรี่แห้งถือเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมันเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานง่าย ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ทำให้เหมาะกับเจ้าของรถที่ไม่มีเวลาในการดูแลรักษา ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบันมากที่สุด แต่ตัวแบตมีราคาค่อนข้างสูง แพงกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่กึ่งแห้งในระดับหนึ่ง ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ใช้งานง่าย ดูแลรักษาง่าย มีค่าแอมป์และค่า CCA ที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานเท่ากันทุกลูก เพราะชาร์จไฟและเติมน้ำกรดมาเรียบร้อยจากโรงงานผลิต ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่กึ่งแห้ง อาจเกิดปัญหาเรื่องความชื้นเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ หากซีลที่ปิดผนึกรระบายอากาศหลุดออก หากรูระบายอากาศของตัวแบตเกิดการอุดตัน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาแรงดันในตัวแบตเตอรี่ได้ 3.แบตเตอรี่กึ่งแห้ง (MF) แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือ แบตเตอรี่ MF เป็นแบตเตอรี่ที่มีความคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่แห้ง แต่มีรูให้สามารถเติมน้ำกลั่นได้เหมือนกับแบตเตอรี่น้ำ มีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 3 ปี ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาบ่อยเหมือนแบตเตอรี่น้ำ แค่หมั่นเติมน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทแบตเตอรี่ที่ใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมาก และมีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป ข้อดีของแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ตัวแบตเตอรี่มีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นภายในเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ใช้รถไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ ความทนทานสูง มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานแม้จะน้อยกว่าแบตเตอรี่น้ำ ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง ข้อเสียของแบตเตอรี่กึ่งแห้ง แม้จะมีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นเป็นอย่างดี แต่ผู้ใช้รถก็ยังต้องคอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ้างตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ อายุการใช้งานอาจไม่ยาวนานเท่าแบตเตอรี่น้ำ มีราคาที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำในบางรุ่น 4.แบตเตอรี่ไฮบริด แบตเตอรี่ไฮบริด เป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากแบตเตอรี่น้ำ มีโครงสร้างภายในประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ ทำให้อัตราการระเหยของน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ชนิดนี้น้อยกว่าแบตเตอรี่น้ำหลายเท่า เจ้าของรถจึงไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำกลั่นบ่อย เหมาะกับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถรับจ้างทั่วไป เป็นต้น ข้อดีของแบตเตอรี่ไฮบริด มีความทนทานสูง ใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ มีค่า CCA ที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง ข้อเสียของแบตเตอรี่ไฮบริด แม้จะใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่เจ้าของรถก็ยังต้องคอยเติมน้ำกลั่นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ มีราคาแพงกว่าแบตเตอรี่น้ำในบางรุ่น มักใช้กับรถขนาดใหญ่มากกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไป 5.แบตเตอรี่เจล (GEL) แบตเตอรี่เจลเป็นประเภทแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากแบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรด สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ดีกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปถึง 20% มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพโดยรวมเหนือกว่าแบตเตอรี่น้ำ ทำให้ตัวแบตฯมีราคาที่ค่อนข้างสูงและแพงกว่าพอสมควร แบตเตอรี่ชนิดนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีความทนทานสูง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นหรือพึ่งพาการดูแลรักษาอะไรที่ยุ่งยาก ข้อดีของแบตเตอรี่เจล ใช้งานง่าย ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน กักเก็บพลังงานได้ดีกว่าแบตเตอรี่น้ำและแบตเตอรี่ชนิดอื่น(ในบางรุ่น) มีความสามารถในการกระจายความร้อนที่ค่อนข้างสูง ทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปหลายเท่า ข้อเสียของแบตเตอรี่เจล แม้จะมีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก แต่เจ้าของรถก็ยังจำเป็นต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพและทำความสะอาดตัวแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ มีราคาแพงกว่าแบตเตอรี่น้ำพอสมควร 6.แบตเตอรี่ AGM แบตเตอรี่ AGM เป็นแบตเตอรี่ชนิดใยแก้วที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อรองรับระบบรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบัน ถือเป็นแบตเตอรี่พร้อมใช้งานที่มีการเติมน้ำกรดและอัดไฟมาให้เรียบร้อยจากโรงงานผลิต ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น สามารถจ่ายไฟได้อย่างเสถียรและทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-6 ปี เรามักจะพบแบตเตอรี่ชนิดนี้ในรถยุโรปรุ่นใหม่ ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ราคาของตัวแบตเตอรี่จึงค่อนข้างแพงและสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นพอสมควร ข้อดีของแบตเตอรี่ AGM ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน มีค่าแอมป์และค่า CCA อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเสถียรและคงที่  มีความทนทานต่อการคายประจุไฟฟ้าที่สูง ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ชาร์จกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการชาร์จได้หลายเท่าตัวหากเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น ข้อเสียของแบตเตอรี่ AGM ราคาสูงเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่กรดตะกั่วทั่ว ๆ ไป ต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากตัวแบตเตอรี่มีปัญหา บางอย่างก็ไม่สามารถซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ จำเป็นต้องซื้อและเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นลูกใหม่เพียงอย่างเดียว 7.แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้นานกว่า มีอัตราการชาร์จที่รวดเร็ว พร้อมจ่ายไฟได้อย่างเสถียรและคงที่ อีกทั้งยังไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและมนุษย์ เช่น ของเหลว กรด หรือตะกั่ว เราจึงมักพบแบตเตอรี่ประเภทนี้ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน น้ำหนักเบาเพราะโครงสร้างภายในของตัวแบตเตอรี่เป็น โลหะอัลคาไลน์ ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก อายุการใช้งานยาวนาน  ให้พลังงานสูง จ่ายไฟได้อย่างคงที่ อีกทั้งยังชาร์จได้รวดเร็ว เป็นเซลล์แห้ง ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติและมนุษย์  ข้อเสียของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่ ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่นหลายเท่าตัว จะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกใช้งานในปัจจุบันนั้น มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทต่างก็มีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป แต่มีอยู่หนึ่งวิธีที่สามารถนำไปใช้ได้กับแบตเตอรี่ทุกประเภทเลยก็คือ การทำให้ไฟในตัวแบตฯเต็มอยู่ตลอดเวลา เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการนำรถออกไปขับหรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้กับตัวแบตเตอรี่ อย่างสม่ำเสมอ เพราะตัวแบตเตอรี่นั้นจะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไฟในตัวแบตเตอรี่อ่อนลงเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหา รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนาน หากคุณไม่มีเวลานำรถออกไปขับ คุณควรเลือกใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK MAX 5.0 , CTEK LITHIUM, CTEK LITHIUM XS หรือ CTEK CS ONE เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที ใช้ได้กับแบตเตอรี่รถยนต์ทุกประเภทโดยไม่ต้องเลือกโหมดให้ยุ่งยาก มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟภายในตัวรถอย่างแน่นอน    ขอบคุณข้อมูลจาก..... aprtech.co.th          

676 25 เม.ย. 2568, 22:42


Scroll to Top